รู้ทันและป้องกันการแฮ็กบัญชี WhatsApp

5 กรกฎาคม, 2018 — Champ

รู้หรือไม่ว่าบัญชี WhatsApp ของคุณอาจถูกแฮ็กได้ มันอาจจะฟังดูเป็นไปได้ยากในเมื่อทีมผู้พัฒนาแอปพลิเคชันก็มีระบบป้องกันและระบบความปลอดภัยมากมายอยู่แล้ว แต่แอปนี้ก็ยังถูกแฮ็กได้เหมือนอีเมลทั่วไปนั่นแหละ

แต่ถูกอย่างนั้นก็เถอะ โอกาสที่จะมีแฮ็กเกอร์สักคนมาเจาะเข้าบัญชี WhatsApp ก็ไม่ใช่อะไรที่จะเกิดขึ้นง่ายนัก คนๆ นั้นคงต้องรอโอกาสที่คุณละสายตาไปจากโทรศัพท์ของคุณแล้วมายุ่มย่ามกับเครื่อง ถึงจะแค่ไม่นานก็เถอะ (ใครบางคนอาจจงใจแฮ็กเข้าบัญชีของคุณโดยเฉพาะ แต่คงต้องทุ่มเทมากเลยล่ะ ฉะนั้นมันคงไม่เกิดขึ้นง่ายๆ หรอกนะ)

ถ้าต้องการตอบโต้ด้วยกับปัญหาด้านความปลอดภัยของโทรศัพท์ของคุณล่ะก็ เราจะแสดงวิธีแก้ไขให้คุณดู

2 สัญญาณบ่งชี้ว่าคุณอาจถูกแฮ็ก

เมื่อถูกแฮ็ก มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรู้ตัวได้ทันที แต่ก็มีบางอย่างที่เป็นสัญญาณบอกว่าอุปกรณ์ของคุณอาจถูกแฮ็กแล้ว ได้แก่

• แบตหมดเร็วมาก: ถ้าคุณพบแบตเตอรี่อุปกรณ์ของคุณหมดเร็วมากๆ ถึงจะปิดการใช้งานข้อมูลและใช้แต่ WiFi ก็ตาม นั่นเป็นไปได้ว่าอาจมีสปายแวร์ทำงานอยู่

• เครื่องร้อนมาก: อีกอย่างหนึ่งคืออุปกรณ์ของคุณร้อนมากตลอดเวลา ยิ่งเวลาที่ใช้แอปหรือเกมหนักๆ มันเป็นไปได้ว่าอุปกรณ์ของคุณจะร้อน แต่การที่เครื่องร้อนขึ้นมาทั้งๆ ที่คุณไม่ได้ใช้งานอะไรมากนักอาจเกิดจากการที่สปายแวร์พยายามเข้ามาในอุปกรณ์ของคุณก็ได้

คุณจะถูกแฮ็กได้อย่างไรบ้าง

• WhatsApp Web: มั่นใจได้เลยว่าคุณต้องรู้ถึงความมหัศจรรย์ของ WhatsApp web กันอยู่แล้ว แต่เราจะขออธิบายอีกครั้ง คุณสามารถเข้าถึงบัญชี WhatsApp ของคุณจากแลปทอปหรือคอมพิวเตอร์ได้ด้วยการสแกน QR Code เพียงเท่านี้คุณก็สามารถใช้งาน WhatsApp ได้อย่างเต็มรูปแบบ บทสนทนาทั้งหมดจะปรากฏขึ้นมาด้วย ลองคิดดูสิว่าถ้าใครมาใช้โทรศัพท์ของสัก 60 วินาที เขาจะสแกนรหัสและเข้าถึงบัญชีคุณได้เลยนะ

• ซอฟท์แวร์ภายนอก: ลองนึกดูว่าถ้ามีซอฟท์แวร์หรือแอปพลิเคชันที่สามารถเจาะระบบเข้ามาในบัญชีของคุณล่ะ (หรือกระทั่งเข้ามาในโทรศัพท์ของคุณทั้งเครื่อง) โดยที่คุณไม่รู้เลย มันเป็นไปได้ สิ่งที่เขาต้องทำก็แค่ติดตั้งแอปนั้นในอุปกรณ์ของคุณและเขาจะเข้าถึงทุกอย่างได้หมดเลย ในทางทฤษฎีน่ะนะ

• ช่องโหว่ของการใช้ WiFi: คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมคุณต้องระวังการใช้งานเครือข่าย WiFi ที่ไม่ได้รับการป้องกัน การเชื่อมต่อฟรีๆ ที่ไม่มีรหัสผ่านเหล่านั้นมันดีมากเวลาที่คุณต้องการใช้อินเทอร์เน็ต แต่นั่นหมายความว่าคนอื่นๆ ก็สามารถเชื่อมต่อเข้ามาได้เหมือนกัน ถ้าเขาเหล่านั้นมีความรู้ความเข้าใจมากพอล่ะก็ เขาสามารถหาวิธีเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ของคุณได้เลยล่ะ

สิ่งที่ทำได้เพื่อป้องกันการแฮ็ก:

เอาล่ะ ถ้ามั่นใจแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับบัญชีของคุณ ทีนี้ควรจะทำอย่างไรต่อไป อันดับแรกคือป้องกันการใช้งาน WhatsApp Web ของคุณ

WhatsApp Web: ถ้าคุณแตะจุดสามจุดที่มุมขวาบนของหน้าจอ คุณจะพบกับตัวเลือก WhatsApp Web ซึ่งจะแสดงตำแหน่งที่คุณเข้าสู่ระบบ หากคุณพบตำแหน่งที่ไม่คุ้นเคย นั่นหมายความว่าคุณถูกแฮ็กแล้ว

ระบบการยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน: อีกวิธีหนึ่งในการป้องกันความปลอดภัยอุปกรณ์ของคุณคือการเปิดใช้งานระบบยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน โดยให้ไปที่ WhatsApp —> การตั้งค่า (Settings) —> บัญชี (Account) —> ระบบการยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน (Two-step verification) —> เปิดใช้งาน (Enable) ฟังก์ชันนี้จะเพิ่มระดับความปลอดภัยและการป้องกันอุปกรณ์ของคุณอีกหนึ่งชั้น

หลีกเลี่ยงการใช้งาน WiFi สาธารณะ: มันอาจไม่ใช่วิธีที่ทำได้ง่ายๆ เรารู้ดี แต่ถ้าคุณสามารถหลีกเลี่ยงการใช้งาน WiFi สาธารณะได้ ก็เท่ากับคุณปกป้องตัวเองจากความเสี่ยงต่อการถูกแฮ็กแล้ว แฮ็กเกอร์ส่วนใหญ่จะใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสาธารณะที่ไม่มีการป้องกันในการเข้าถึงอุปกรณ์ของผู้อื่น ดังนั้นคุณจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้งานการเชื่อมต่อเหล่านี้ถ้าเป็นไปได้

ตัวล็อกแอปพลิเคชัน: ถึงแม้ฟังก์ชันการล็อกแอปที่ผู้ใช้งานต้องกรอกรหัสผ่านก่อนเข้าใช้จะไม่มีอยู่ใน WhatsApp แต่ก็มีแอปอื่นๆ ใน Play Store ที่ช่วยให้คุณล็อกแอปพลิเคชันได้ เครื่องมือนี้เองที่จะช่วยให้คุณสามารถใส่รหัสป้องกันแอปที่คุณต้องการ และมีใครพยายามจะเข้าดูข้อมูลในอุปกรณ์ของคุณ พวกเขาก็ไม่สามารถเข้ามาดู WhatsApp ได้แน่นอน

อย่าวางโทรศัพท์มั่วซั่ว: คุณจะประหลาดใจเลยล่ะ ถ้ารู้ว่ามีคนมากมายแค่ไหนที่มักวางโทรศัพท์ไม่เป็นที่เป็นทาง นี่เป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีเท่าไหร่นักนะ ถ้าคุณวางโทรศัพท์ทิ้งไว้สักนาทีก็อาจจะมีคนมาเข้าถึงข้อมูลบัญชี WhatsApp ของคุณด้วยฟีเจอร์เว็บเลยก็ได้ แถมยังสำรองไฟล์และเนื้อหาสื่อของคุณได้อีกด้วย จงรอบคอบและเก็บโทรศัพท์ไว้กับตัวตลอดเวลา จะได้ป้องกันไม่ให้ใครเข้าถึงข้อมูลของคุณได้